รวบหนุ่มแสบหลอกเจ้าของรถที่ถูกโจรกรรมโอนเงินเข้าบัญชี
เพื่อไถ่รถคืน สารภาพจะค้นหาข้อมูลรถหาย
และหมายเลขโทรศัพท์เจ้าของรถผ่านเว็บกูเกิล
เมื่อรู้เบอร์และลักษณะรถจะโทรโน้มน้าวจนเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ 6 หมื่น ถึง 1.5 แสนบาท
เมื่อได้เงินจะปิดมือถือหนีทันที ขณะแถลงข่าวมีลูกทีม ปชป.สูญ 7 หมื่น มาชี้ตัวผู้ต้องหาเหตุถูกหลอกด้วย
สรุปข่าว
คนร้ายรายนี้มีพฤติการณ์การทำผิดโดยติดตามข่าวสารรถหายจากทางสื่อทีวีว่ามีรถหายที่ไหนบ้างและจะค้นหาข้อมูลรถหายและหมายเลขโทรศัพท์เจ้าของรถที่แจ้งหายที่ลงประกาศไว้ในอินเทอร์เน็ต
โดยค้นหาในเว็บไซต์กูเกิล ระบุคำว่า “รถหาย” ก็จะปรากฏชื่อเบอร์โทรศัพท์เจ้าของรถและลักษณะของรถอย่างละเอียด
จากนั้นผู้ต้องหาจะโทรศัพท์เข้าไปหาผู้เสียหายแต่ละรายโดยบอกว่าตอนนี้รถที่หายไปนั้นอยู่กับตนเองแล้ว
มีคนนำมาจำนำไว้ พร้อมบอกรายละเอียดของรถได้อย่างถูกต้อง
หากเจ้าของรถอยากได้รถคืนก็ให้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 60,000-150,000 บาท ซึ่งแล้วแต่กรณี
โดยยืนยันจะนำรถไปคืนไว้ตามจุดที่มีการนัดหมายกัน
โดยมีการพูดโน้มน้าวให้โอนเงินเข้าบัญชีของคนร้ายก่อน มิฉะนั้นจะไม่คืนรถให้
ซึ่งมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปก่อน
เมื่อได้เงินเรียบร้อยแล้วก็จะปิดโทรศัพท์มือถือทันที
กว่าที่เหยื่อจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็สายเกินไปแล้ว
ที่มา : http://www.thaiday.com/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000070072
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
หมวด ๑ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ
และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๖
ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทําขึ้นเป็นการเฉพาะ
ถ้านํามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๗
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ
และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๘
ผู้ใดกระทําด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์
และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น
มิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน
สามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย
แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกิน หนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ความคิดเห็น
จากข้อมูลข้างต้น
ทำให้ทราบว่าอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตกเป็นเหยื่อของผู้ที่ไม่ประสงค์ดี
ที่จะหาโอกาสหรือช่องทางในการหลอกหรือการโจรกรรมดังกล่าวขึ้น
การที่เราได้ให้ข้อมูลรถหายและหมายเลขโทรศัพท์เจ้าของรถที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการติดตามและค้นหารถที่หายไปกลับคืนมา
ในทางตรงกันข้าม มันกลับยิ่งทำให้เราตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว
นอกจากจะไม่ได้รถกลับคืนมา แถมยังต้องเสียค่าโง่ไห้กับบุคคลที่ไม่หวังดีอีกด้วย
วิธีแก้ไขปัญหา
ดังนั้น
เราจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ อย่าหลงกล หรือหลงเชื่อ
อีกทั้งในปัจจุบันก็เห็นเป็นข่าวกันอยู่เสมอ ภัยจากการหลอกลวง ออนไลน์
หรือการทำฟิชชิ่ง และฟาร์มมิ่ง ถือเป็นเรื่องที่ต้องหันมาใส่ใจ
นอกจากการป้องกันไวรัส หรือมัลแวร์ และการเจาะระบบของแฮกเกอร์
เพราะถือเป็นเรื่องที่เข้ามาใกล้ตัวผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคนมากที่สุด จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เหตุผลที่ต้องมีความรู้ด้านความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ด้วย
เพราะเรื่องนี้ไม่ได้มองเห็นด้วยตา ไม่เหมือนการเฝ้าบ้านป้องกันขโมย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น